คลิกดู 29 สถานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น อย่าได้พลาด ! (ตอนแรก) 17. Lake Toya : ฮอกไกโด Lake Toya เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่รูปวงกลม มีเส้นรอบวงยาวประมาณ 40 กิโลเมตรเลยทีเดียว เกิดจากปากปล่องภูเขาไฟค่ะ และความพิเศษตรงที่น้ำจะไม่แข็งตัวในช่วงฤดูหนาว ในหน้าร้อนอากาศก็เย็นสบายเหมาะสำหรับเดินเล่น ปั่นจักรยาน หรือล่องเรืออีกด้วย นอกจากนี้กลางทะเลสาบมีเกาะเล็กๆอ ยู่ตรงกลาง คือ เกาะ Nakajima ซึ่งสามารถลงไปเดินเล่นได้ ที่อยู่ Shikotsu-Toya Nation Park, Toyako, Hokkaido, Japan โทร.+81 142 75 2555 18. Ninnaji Temple : เกียวโต วัดนินนาจิ ได้รับการถูกบันทึกเป็นมรดกโลก World Heritage Sites เป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญของเกียวโตค่ะ ไฮไลท์ของที่นี่คือ อาคารโกเท็น (Goten) สร้างขึ้นในรูปแบบของพระราชวังอิมพีเรียล และมีทางเดินเชื่อมต่อที่ตกแต่งอย่างหรูหรา นอกจากนี้ยังมีประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่นโบราณ (fusuma) โดยรอบของอาคารจะถูกโอบล้อมไปด้วยสวนหินและบ่อน้ำแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอีกด้วย การเดินทาง จากสถานีรถไฟ Omuro Ninnaji Station เดินต่อมา 10 นาที ที่อยู่ 33 Omuroouchi, Ukyo Ward, Kyoto, 616-8092 19. Gokayama : โทยามะ Gokayama เป็นหมู่บ้านมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในจังหวัดโทยามะ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่มีสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุด และเก่าแก่ที่สุด มีอายุกว่า 400 ปี ไฮไลท์สำคัญก็คือ บ้านทรงแบบ gassho ซึ่งหลังคาบ้านจะมุงด้วยหญ้าทำให้มีความลาดเอียงอย่างมากนี้ เป็นลักษณะพิเศษที่เห็นได้ชัด เป็นรูปแบบงานก่อสร้างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมือง Gokayama เนื่องจากอยู่ในพื้นที่หิมะตกหนัก หลังคาแบบนี้จะทำให้หิมะที่ทับถมบนหลังคาไหลลงมาได้ง่าย ที่อยู่ Ainokura, Taira, Gokayama, Toyama, Japan โทร.+81 763 66 2123 20. Lake Kussharo : ฮอกไกโด ทะเลสาบ Kussharo เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของฮอกไกโด น้ำสีฟ้าของที่นี่ จะกลายเป็นผืนน้ำแข็งในฤดูหนาว เพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อถึงช่วงฤดูหนาว อากาศที่นี่จะหนาวขนาดไหน ที่อยู่ Teshikaga-cho, Kamikawa-gun, Hokkaido, Japan 21. Sensoji Temple : โตเกียว
หลายคนที่ไปเที่ยวโตเกียว ถ้าพลาดที่นี่ถือว่ายังไปไม่ถึงโตเกียวเลยก็ว่าได้ ที่ วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) หรือที่ใครๆ ต่างเรียกกันติดปากว่า วัดอาซากุสะ (Asakusa Temple) ค่ะ
ที่วัดเซ็นโซจินี้ มีสัญลักษณ์เป็นโคมสีแดงใหญ่ ที่เขียนเป็นตัวอักษรคันจิว่า Kaminari-Mon ซึ่งแปลว่า ประตูสายฟ้า ค่ะ ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา หรือนักท่องเที่ยวจดจำวัดนี้ได้เป็นอย่างดี และด้วยที่ตั้งที่อยู่ในย่านอาซากุสะ ทำให้ทุกคนเรียกวัดนี้ว่า วัดอาซากุสะ นั่นเอง ที่อยู่ 2 Chome-3-1 Asakusa, Taito, Tokyo 111-0032 22. Himeji Castle : เฮียวโกะ ปราสาท Himeji นั้นมีประวัติศาสตร์ก่อตั้งกว่า 400 ปี ซึ่งนับเป็นปราสาทที่คงสภาพเดิมที่สุดในญี่ปุ่น และได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกเป็นครั้งแรกของประเทศญี่ปุ่นในปี 1993 ความสง่างามของปราสาทได้รับขนานนามว่า “ปราสาทนกกระยางขาว” อีกด้วย นอกจากนี้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้นซากุระจำนวนกว่า 1,000 ต้นภายในปราสาทจะบานสะพรั่ง และจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาชมดอกไม้ ที่อยู่ 68 Honmachi, Himeji, Hyogo, Japan โทร.+81 79 221 2111 23. Jigokudani Monkey Park : นางาโน่
หลายคนมาออนเซ็นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูหนาว แต่ที่นี่พวกเขาหวังมากกว่านั้น !! ที่มากกว่าที่อื่นก็คือ การมาดูลิงแช่น้ำร้อนที่ออนซ็นนั่นเอง ลิงกว่า 200 ตังที่อาศัยอยู่บนภูเขาจะลงมาแช่น้ำร้อน เพราะเวลาหนึ่งในสามของแต่ละปีจะถูกปกคลุมด้วยหิมะ นักท่องเที่ยวก็จะนิยมมาแช่ออนเซ็นกับลิง ได้บรรยากาศเหมือนมาดาวเคราะห์ของลิงเลยทีเดียว
ที่อยู่ 6845 Yamanouchi, Nagano, Japan โทร.+81 269 33 4379 24. Hakuba Village : นางาโน่ เมือง Hakuba เป็นเมืองที่ดีในช่วงฤดูหนาว เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักสกี มีรีสอร์ทสกีมากมาย แต่ในช่วงฤดูร้อน วิวทิวทัศน์ที่ต่างออกไปจากเดิมก็สวยงามไม่แพ้กัน ที่อยู่ Kitaazumi District, Nagano, Japan โทร.+81 261 72 7100 25. Adachi Museum of Art : ชิมาเนะ สวน Adachi เป็นส่วนหนึ่งของ Adachi Museum of Art ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น และแสดงให้เห็นถึงภาพวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน ที่อยู่ 320 Furukawa-cho, Yasuki, Shimane, Japan โทร.+81 0854 28 7111 26. The Sagano Railway : เกียวโต รถไฟสายนี้เป็นรถไฟที่นั่งเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ เรียบแม่น้ำโฮซุกาว่า (Hozugawa River) ค่ะ ซึ่งมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า รถๆฟสายโรแมนติก ถามว่าทำไมถึงได้ชื่อว่าเป็นรถไฟสายโรแมนติกนั้น ต้องขอตอบว่า วิวสองข้างทางตลอดที่รถไฟผ่านนั้น 7 กิโลเมตรจะเป็นหุบเขาสลับซับซ้อน และบ้านเรือนชนบท รวมถึงตัวรถไฟเองที่เป็นแบบโบราณ ใครที่ได้ขึ้นไปนั่งชมวิว ยิ่งเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแล้วด้วยนั้น จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า โรแมนติก มากๆ การเดินทาง ขึ้นที่สถานีต้นทางที่ Torokko Saga Station โดยลงรถไฟที่ JR Saga-Arashiyama Stationแล้วเดิน 5 นาทีไปขึ้นรถไฟซากาโน่ที่ Torokko Saga Station ที่อยู่ 616-8394 Saga Tenruji, Ukyo-ku, Kyoto นอกจากการนั่งรถไฟเที่ยวแล้ว ไปเกียวโตทั้งทีต้องห้ามพลาดการเดินขึ้นศาลเจ้าฟูชิมิอินาริไทฉะ ชมเสาโทริอิเป็นหมื่นต้น 27. Fuji Shibazakura Festival : ยามานาชิ ทุกๆ ปีในช่วงเมษายน-พฤษภาคม หน้าร้อนของญี่ปุ่นจะมี เทศกาลทุ่งดอกชิบะซากุระ (Shibazakura) เฉลิมฉลองการบานสีชมพูสะพรั่งของดอกชิบะซากุระ หรือ Moss Pink นั่นเอง ซึ่งจะมีพื้นที่ถึง 2.4 เฮกเตอร์เลยทีเดียว รับรองว่าทุกตารางจะเต็มไปด้วยสีชมพูสดใส สำหรับปีนี้จะตรงกับวันที่ 18 เมษายน-31 พฤษภาคม ที่อยู่ 212 Motusu, Fujikawaguchiko, Yamanashi, Japan โทร.+81 555 89 3031 28. Senganen Garden : คาโกชิม่า วิวสวยสไตล์ญี่ปุ่นมากๆ มีทั้งสวนสวย, ทะเล, ออนเซ็น, ศาลเจ้า, ซุ้มไม้ไผ่ ตลอดแนวชายฝั่งทะเลทางด้านเหนือของเมืองคาโกชิม่า นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวชมภูเขาไฟ Sakurajima และอ่าวคาโกชิม่า ที่สำคัญสวนนี้มีมาตั้งแต่ปี 1658 ซึ่งเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุครักษ์ธรรมชาติ ที่อยู่ 9700-1 Yochinocho, Kagoshima, Japan โทร.+81 99 247 1551 29. Golden Pavilion : เกียวโต ปราสาทคินคาคุจิ (Kinkaku) หรือปราสาททองนี้ เดิมเป็นสถานตากอากาศของ โชกุนโยชิมิสึ (Yoshimitsu) แห่งตระกูลอาชิคางะ จากภาพยนตร์เรื่อง เณรน้อยเจ้าปัญญา อิคคิวซัง นั่นเองค่ะ เป็นสีทองจาก ทองคำเปลว อีก จุดเด่นของปราสาทแห่งนี้ก็คือรูปหล่อ นกฟีนิกซ์ บนยอดปราสาท โดยรอบปราสาทมีลำธารน้ำใสสะอาดทำให้เกิดภาพสะท้อนผิวน้ำแสน สวยราวภาพวาด
|